Posted on

โอเมก้า 3 (Omega-3) คือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated fatty acids) ประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นสายยาวประกอบด้วยพันธะคู่หลายคู่ ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ จึงต้องได้รับจากการรับประทานอาหารหรืออาหารเสริม

โอเมก้า 3 แบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลักๆ ได้แก่

  • กรดอีโคซาเพนทาอีโนอิก (Eicosapentaenoic acid, EPA) พบมากในปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล
  • กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (Docosahexaenoic acid, DHA) พบมากในปลาทะเลน้ำลึกเช่นกัน และพบในนมแม่
  • กรดอัลฟาไลโนเลนิก (Alpha-linolenic acid, ALA) พบมากในพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง เมล็ดแฟลกซ์ น้ำมันคาโนลา

โอเมก้า 3 มีบทบาทสำคัญต่อร่างกายหลายประการ ดังนี้

  • ระบบประสาท โอเมก้า 3 เป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์สมองและจอประสาทตา ช่วยบำรุงสมองและสายตา ป้องกันโรคสมองเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ และโรคจอประสาทตาเสื่อม
  • ระบบหัวใจและหลอดเลือด โอเมก้า 3 ช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด ลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหัวใจขาดเลือด
  • ระบบภูมิคุ้มกัน โอเมก้า 3 ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อต่างๆ
  • ระบบข้อต่อ โอเมก้า 3 ช่วยลดอาการอักเสบของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • ระบบการเจริญเติบโตและพัฒนาการ โอเมก้า 3 มีความสำคัญต่อพัฒนาการของทารกและเด็ก ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ ความจำ และสมาธิ

ปริมาณโอเมก้า 3 ที่เหมาะสมต่อสุขภาพในแต่ละวัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ เพศ สุขภาพโดยรวม และภาวะสุขภาพอื่นๆ โดยทั่วไป แนะนำให้รับประทานโอเมก้า 3 อย่างน้อย 250-500 มิลลิกรัมต่อวัน

Legumes, broccoli, fruit, and salmon placed on a black cement floor. Top view.

แหล่งอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง ได้แก่

  • ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล
  • ถั่วเหลือง
  • ถั่วลิสง
  • เมล็ดแฟลกซ์
  • น้ำมันคาโนลา

นอกจากนี้ โอเมก้า 3 ยังพบได้ในอาหารเสริมต่างๆ เช่น น้ำมันปลา น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์

การรับประทานโอเมก้า 3 มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานหากมีภาวะสุขภาพบางประการ เช่น โรคเลือดแข็งตัว โรคตับ โรคไต หรือกำลังรับประทานยาบางชนิด

วิธีรับประทานโอเมก้า 3 มีดังนี้

  • รับประทานจากอาหาร แหล่งอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง ได้แก่ ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล ถั่วเหลือง ถั่วลิสง เมล็ดแฟลกซ์ น้ำมันคาโนลา เป็นต้น ควรรับประทานปลาทะเลน้ำลึกอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือรับประทานถั่วเหลือง ถั่วลิสง เมล็ดแฟลกซ์ น้ำมันคาโนลา เป็นประจำทุกวัน
  • รับประทานจากอาหารเสริม อาหารเสริมโอเมก้า 3 มีหลายรูปแบบ เช่น น้ำมันปลา น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ เป็นต้น ปริมาณโอเมก้า 3 ที่แนะนำต่อวัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ เพศ สุขภาพโดยรวม และภาวะสุขภาพอื่นๆ โดยทั่วไป แนะนำให้รับประทานโอเมก้า 3 อย่างน้อย 250-500 มิลลิกรัมต่อวัน

วิธีการรับประทานโอเมก้า 3 จากอาหารเสริม

  • รับประทานพร้อมมื้ออาหาร เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น
  • รับประทานกับอาหารที่มีไขมัน เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น น้ำผลไม้ ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เนื่องจากวิตามินซีอาจขัดขวางการดูดซึมโอเมก้า 3

ข้อควรระวังในการรับประทานโอเมก้า 3

  • ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานหากมีภาวะสุขภาพบางประการ เช่น โรคเลือดแข็งตัว โรคตับ โรคไต หรือกำลังรับประทานยาบางชนิด
  • หากรับประทานโอเมก้า 3 จากอาหารเสริม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานการผลิตที่ดี และได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

อาการข้างเคียงที่อาจพบได้จากการรับประทานโอเมก้า 3

อาการข้างเคียงที่พบได้จากการรับประทานโอเมก้า 3 ในปริมาณที่สูง ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้มักหายไปเองเมื่อหยุดรับประทานโอเมก้า 3

กินแล้วดีเล่นแล้วรวย PAKYOK88