Posted on

มะละกอเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง แต่ปัจจุบันปลูกในเขตร้อนและกึ่งร้อนทั่วโลก เป็นผลไม้ขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างยาวรี เปลือกสีเขียว เนื้อสีเหลืองหรือส้ม และเมล็ดสีดำอยู่ตรงกลาง

มะละกอเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินเอและซี ใยอาหาร และโพแทสเซียม ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย

มะละกอสามารถรับประทานได้ทั้งแบบดิบและสุก มะละกอดิบมักใช้ในส้มตำ อาหารไทยยอดนิยม มะละกอสุกสามารถรับประทานสด นำมาทำน้ำผลไม้ หรือใช้ทำขนมได้

ประโยชน์ต่อสุขภาพของมะละกอ

มะละกอมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น:

  • ช่วยย่อยอาหาร: มะละกอมีเอนไซม์ปาเปนที่ช่วยย่อยโปรตีน เอนไซม์นี้สามารถช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด และท้องผูก
  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: มะละกอเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินเอและซี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน วิตามินเอช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อได้ดีขึ้น ในขณะที่วิตามินซีช่วยต้านอนุมูลอิสระ
  • ลดความเสี่ยงของมะเร็ง: มะละกอมีสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่อาจนำไปสู่มะเร็ง การศึกษาบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าการรับประทานมะละกออาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเต้านม
  • ดีต่อสุขภาพของหัวใจ: มะละกอเป็นแหล่งที่ดีของโพแทสเซียม แร่ธาตุที่ช่วยควบคุมความดันโลหิต การรับประทานมะละกออาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
  • ดีต่อสุขภาพของผิว: มะละกอมีวิตามินเอและซี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี วิตามินเอช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ในขณะที่วิตามินซีช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน

วิธีรับประทานมะละกอ

มะละกอสามารถรับประทานได้หลายวิธี เช่น:

  • สด: มะละกอสุกสามารถรับประทานสดเป็นของว่างหรือเพิ่มในสลัดผลไม้
  • น้ำผลไม้: มะละกอสามารถปั่นเป็นน้ำผลไม้สดชื่น
  • สมูทตี้: มะละกอสามารถเพิ่มในสมูทตี้เพื่อเพิ่มรสชาติและสารอาหาร
  • ส้มตำ: มะละกอดิบเป็นส่วนผสมหลักในส้มตำ อาหารไทยยอดนิยม
  • แกง: มะละกอสุกสามารถนำมาแกงกับเนื้อสัตว์หรือผักอื่นๆ
  • ของหวาน: มะละกอสุกสามารถนำมาทำเป็นของหวาน เช่น พุดดิ้ง ไอศกรีม หรือเค้ก

วิธีเลือกมะละกอ

เมื่อเลือกมะละกอ ให้มองหามะละกอที่มีลักษณะดังนี้:

  • สี: มะละกอสุกจะมีสีเหลืองหรือส้ม
  • เนื้อ: เนื้อมะละกอควรนิ่มเล็กน้อยเมื่อกดเบาๆ
  • กลิ่น: มะละกอสุกจะมีกลิ่นหอม

วิธีเก็บมะละกอ

มะละกอสุกสามารถเก็บในตู้เย็นได้นานถึง 5 วัน มะละกอดิบสามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องได้นานถึง 1 สัปดาห์

ข้อควรระวังในการรับประทานมะละกอ

1. มะละกอดิบ:

  • มะละกอดิบมีสาร papain ที่อาจทำให้ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารและลำไส้
  • สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานมะละกอดิบ เพราะอาจทำให้แท้งบุตรได้
  • การสัมผัสกับยางมะละกออาจทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน ระคายเคืองผิวหนัง

2. มะละกอสุก:

  • มะละกอสุกมีน้ำตาลสูง ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรระวังการรับประทาน
  • มะละกอสุกมีวิตามินเอสูง การรับประทานมากเกินไปอาจส่งผลต่อกระดูก ข้อต่อ หรือ เกิดอาการ กระวนกระวาย นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร
  • มะละกอมีเอนไซม์ปาเปน ผู้ที่มีแพ้เอนไซม์ปาเปนควรหลีกเลี่ยง

ข้อควรระวังอื่นๆ:

  • ไม่ควรเก็บมะละกอที่เน่าเสีย ผิวช้ำ เหี่ยวย่น หรือหลีกเลี่ยงการบริโภคมะละกอบริเวณที่มีเนื้อนุ่มเหลวเละ
  • ไม่ควรบริโภคมะละกอที่ดิบจนเกินไป โดยเฉพาะที่มีเปลือกนอกสีเขียว และมีเนื้อแข็ง
  • ไม่ควรรับประทานมะละกอในปริมาณที่มากจนเกินไป เพราะเสี่ยงต่อการทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ เช่น ผิวเหลือง เบื่ออาหาร เซื่องซึม นอนไม่หลับ
  • หลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวหนังสัมผัสกับยางมะละกอ เพราะอาจเสี่ยงทำให้เกิดปัญหาต่อผิวหนังได้

คำแนะนำ:

  • ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานมะละกอ โดยเฉพาะผู้หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอื่นๆ
  • ควรรับประทานมะละกอในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ควรมากจนเกินไป
  • ควรล้างมะละกอก่อนรับประทานให้สะอาด

กินแล้วดีเล่นแล้วรวย PAKYOK88