
โยเกิร์ต คือ ผลิตภัณฑ์นมที่ได้จากการหมักนมด้วยแบคทีเรียที่ผลิตกรดแล็กติก (Lactic Acid Bacteria หรือ LAB) แบคทีเรียเหล่านี้จะย่อยน้ำตาลแล็กโทสในนมบางส่วนให้กลายเป็นกรดแล็กติก ทำให้โยเกิร์ตมีรสเปรี้ยวและเนื้อสัมผัสข้นหนืด
โยเกิร์ตมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ กระบวนการผลิต และส่วนประกอบเพิ่มเติม เช่น
- โยเกิร์ตจากนมวัว: เป็นโยเกิร์ตที่พบบ่อยที่สุด ทำจากนมวัวสด นมพร่องมันเนย หรือ นมผง
- โยเกิร์ตจากนมอื่นๆ: สามารถทำจากนมสัตว์อื่นๆ เช่น นมแพะ นมแกะ หรือนมถั่วเหลือง
- โยเกิร์ตกรีก: เป็นโยเกิร์ตที่ผ่านกระบวนการกรองเอาเวย์โปรตีนออก ทำให้เนื้อโยเกิร์ตมีความข้นหนืดมากกว่าโยเกิร์ตทั่วไป
- โยเกิร์ตแบบดื่ม: เป็นโยเกิร์ตที่มีลักษณะเหลว สามารถดื่มได้โดยไม่ต้องใช้ช้อน
- โยเกิร์ตชนิดมีรส: มีการเติมรสชาติต่างๆ ลงในโยเกิร์ต เช่น ผลไม้ น้ำผึ้ง หรือช็อกโกแลต
- โยเกิร์ตชนิดไม่มีรส: ไม่ได้เติมรสชาติใดๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำตาล

โยเกิร์ตมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ เช่น
- เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี
- มีแคลเซียมสูง ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง
- มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคบางชนิด เช่น โรคกระดูกพรุน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และมะเร็งลำไส้
การเลือกซื้อโยเกิร์ตควรอ่านฉลากโภชนาการอย่างละเอียด เลือกโยเกิร์ตที่มีน้ำตาลน้อย ไขมันต่ำ และมีจุลินทรีย์ที่มีชีวิต
การเก็บรักษาโยเกิร์ตควรเก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 4-5 องศาเซลเซียส และควรบริโภคให้หมดภายใน 7 วันหลังจากเปิดขวด
โยเกิร์ตมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ แต่ก็มีโทษบางประการเช่นกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณและวิธีการบริโภค
โทษของโยเกิร์ต
- น้ำตาลสูง: โยเกิร์ตบางชนิดมีน้ำตาลสูง การบริโภคมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น เพิ่มความเสี่ยงของโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ
- ไขมันอิ่มตัวสูง: โยเกิร์ตบางชนิดมีไขมันอิ่มตัวสูง การบริโภคมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ
- โซเดียมสูง: โยเกิร์ตบางชนิดมีโซเดียมสูง การบริโภคมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น เพิ่มความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง
- จุลินทรีย์ที่ไม่ดี: โยเกิร์ตบางชนิดอาจมีจุลินทรีย์ที่ไม่ดีปนเปื้อน การบริโภคอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรืออาเจียน
ข้อควรระวัง
- ผู้ที่มีภาวะแล็กโทสไม่ย่อย: โยเกิร์ตมีแล็กโทส ผู้ที่มีภาวะแล็กโทสไม่ย่อยอาจเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องร่วง
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง: โยเกิร์ตมีจุลินทรีย์ที่มีชีวิต ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภค
- เด็กเล็ก: ไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือนกินโยเกิร์ต
การบริโภคโยเกิร์ตอย่างปลอดภัย
- เลือกโยเกิร์ตที่มีน้ำตาล ไขมันอิ่มตัว และโซเดียมต่ำ
- เลือกโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์
- เก็บรักษาโยเกิร์ตในตู้เย็น
- บริโภคโยเกิร์ตในปริมาณที่เหมาะสม

สรุป
โยเกิร์ตมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ แต่ก็มีโทษบางประการเช่นกัน การบริโภคโยเกิร์ตอย่างปลอดภัยควรเลือกโยเกิร์ตที่มีคุณภาพ เก็บรักษาอย่างถูกต้อง และบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม
