กลูตาไธโอน (Glutathione) เป็นโปรตีนขนาดเล็กที่พบในเซลล์ทุกชนิดของร่างกาย มีหน้าที่หลัก ดังนี้
1. สารต้านอนุมูลอิสระ: กลูตาไธโอนช่วยปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรและสามารถทำลายเซลล์ ส่งผลให้เกิดริ้วรอย โรคต่างๆ และความเสื่อมของเซลล์
2. ขับสารพิษ: กลูตาไธโอนช่วยตับขจัดสารพิษออกจากร่างกาย เช่น ยา โลหะหนัก และสารเคมี
3. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: กลูตาไธโอนช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับการติดเชื้อได้ดีขึ้น 4. ผิวขาว: กลูตาไธโอนสามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ผลิตเมลานิน ส่งผลให้ผิวขาวกระจ่างใส
แหล่งของกลูตาไธโอน
- ร่างกายสามารถสังเคราะห์กลูตาไธโอนได้เอง
- อาหาร: เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ นม ผักใบเขียว ถั่ว อะโวคาโด
- อาหารเสริม: กลูตาไธโอนในรูปแบบยาเม็ด ยาแคปซูล ยาฉีด

กลูตาไธโอน การรับประทาน
วิธีการรับประทานกลูตาไธโอน
กลูตาไธโอนมีรูปแบบการรับประทานหลากหลาย ดังนี้
- ยาเม็ด: เป็นรูปแบบที่สะดวกและหาซื้อได้ง่าย แต่มีข้อจำกัดคือ ร่างกายดูดซึมกลูตาไธโอนได้น้อย
- แคปซูล: คล้ายกับยาเม็ด แต่มีการเคลือบพิเศษเพื่อช่วยให้ดูดซึมได้ดีขึ้น
- ผงละลายน้ำ: สามารถละลายน้ำดื่มและรับประทานได้สะดวก แต่มีรสชาติที่ไม่อร่อย
- อาหารเสริม: มีรูปแบบหลากหลาย เช่น ชนิดเม็ด ชนิดแคปซูล ชนิดผง ชนิดน้ำ ชนิดฉีด

ปริมาณการรับประทาน
ปริมาณการรับประทานกลูตาไธโอนที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น เพศ อายุ สุขภาพ และวัตถุประสงค์ในการรับประทาน โดยทั่วไป แนะนำให้รับประทานกลูตาไธโอน ดังนี้
- บุคคลทั่วไป: 500-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ: ปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ
ช่วงเวลาการรับประทาน
แนะนำให้รับประทานกลูตาไธโอนในช่วงที่ท้องว่าง เช่น ตอนเช้า หรือ ก่อนนอน เพื่อเพิ่มการดูดซึม
ข้อควรระวัง
- กลูตาไธโอนอาจไม่เหมาะกับทุกคน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
- กลูตาไธโอนอาจส่งผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ผื่นคัน
- หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานกลูตาไธโอน
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ควรเลือกซื้ออาหารเสริมกลูตาไธโอนจากแหล่งที่เชื่อถือได้
- ควรอ่านฉลากและคำแนะนำอย่างละเอียดก่อนรับประทาน
- ควรเก็บอาหารเสริมกลูตาไธโอนให้พ้นมือเด็ก
